วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Payroll system

Payroll system


อย่างอยากไรให้ turnover ต่ำและ ทุกคนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างระบบ จากบริษัท Big Four แห่งหนึ่ง
ในการขึ้นเงินเดือน และให้ bonus แก่ทุกคนโดยเสมอภาค

1 พนักงานทุกคนที่เข้าใหม่จะมี KPI ของตัวเอง และมีเป้าหมายในปีต่อไป
2 ทุกๆ เดือน หรือ ทุกไตรมาส จะมีการประเมินผลงาน เทียบกับ KPI 
3 คะแนน KPI ที่ได้ จะมีการนำคะแนนในกลุ่ม/ แผนก หนึ่งมาเทียบกัน  โดยปกติจะจัดออกมาเป็น Bell shape/ curve

เช่น
ส่วนหัว  80% up        ให้ขึ้นเงินเดือน 15 %
ส่วนกลางถึงหัว 50-80 % ให้ขึ้นเงินเดือน 10 %
ส่วนท้ายถึงกลาง 30-50 %  ให้ขึ้นเงินเดือน 8 %
ส่วนท้าย 30 % and below   ให้ขึ้นเงินเดือน 0 %

4 เปิดให้มีการ challenge 

5 มีการเปรียบเทียบ + เปิดโอกาส debut ระหว่างแผนก เช่น rate A ของ account เทียบกับ rate A ของ IT ว่ามีมาตราฐานเดียวกันไหม เผื่อให้การขึ้นเงินเดือนมีความยุติธรรมที่สุด

คนทำมากได้มา คนน้อยได้น้อย  ทำให้เกิดการแข่งขันกัน

ฺBy Ringing  Bell

Deferred tax ...มาตราฐานบัญชีปี 2556

Deferred tax ...มาตราฐานบัญชีปี  2556 .
เราคำนวณภาษีล่วงหน้า ที่บริษัทต้องจ่าย


ขออธิบายให้ฟังแบบง่ายๆ ว่า Deferred tax (ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี)  คือ  ภาษีที่เราได้จ่ายหรือถูกหักไว้ล่วงหน้าในปีนั้นๆ  ซึ่งมักจะพบใน  2  กรณีคือ

1.  ภาษีเงินได้ถูกหัก ณ ที่จ่าย (ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี)
ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528  กำหนดให้ผู้จ่ายเงินได้ตามนี้ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้วนำส่ง

www.rd.go.th/publish/14942.0.html">http://www.rd.go.th/publish/14942.0.html

ซึ่งจะเกิดภาษีถูกหัก ณ ที่จ่ายขึ้นทุกครั้งที่ผู้รับ  ได้รับชำระเงิน  ซึ่งจะบันทึกบัญชีโดย

Dr.  เงินสด / ธนาคาร

Dr.  ภาษีเงินได้ถูกหัก ณ ที่จ่าย ( ถือเป็นสินทรัพย์ )


Cr.  รายได้ ( รายได้ ) / เงินรับล่วงหน้า ( หนี้สิน )

Cr.  ภาษีขาย



2.  ภาษีเงินได้นิติบุคคลจ่ายล่วงหน้า (ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี)


ปกติตามประมวลรัษฏากรได้กำหนดให้นิติบุคคล  จะต้องยื่นแบบแสดงการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลปีละ  2  ครั้งคือ

-  กลางปี  ยื่นตามแบบ ภงด.51

-  ปลายปี  ยื่นตามแบบ ภงด.50

ซึ่งในการคำนวณเพื่อยื่นแบบกลางปีตามแบบ ภงด.51  นั้น  จะเป็นการยื่นแบบแสดงการเสียภาษีล่วงหน้า  ซึ่งเป็นการประมาณรายรับ - รายจ่ายในอนาคตของกิจการที่ยังไม่เกิดขึ้น   โดยการคำนวณในลักษณะนี้ย่อมต้องมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้  ดังนั้นเมื่อกลางปีได้นำส่งภาษีได้แล้ว  ปรากฏว่าปลายปี  กลับไม่มีภาษีต้องชำระ  เงินภาษีที่ได้จ่ายล่วงหน้าไปแล้วนั้น  ก็คือ  ภาษีเงินได้นิติบุคคลจ่ายล่วงหน้าครับ   จะบันทึกบัญชีเมื่อจ่ายชำระภาษีกลางปีโดย

Dr.  ภาษีเงินได้นิติบุคคลจ่ายล่วงหน้า ( ถือเป็นสินทรัพย์ )

Cr.  เงินสด / ธนาคาร



3.  ภาษีที่เกิดขึ้นจากทั้ง 2 ลักษณะดังกล่าวในทางประมวลรัษฏากรจะมีลักษณะสำคัญ  2  ประการคือ

3.1  เป็นภาษีที่เกิดในปีไหน  จะต้องใช้ในปีนั้น  จะมาใช้กับปีอื่นไม่ได้  เช่น  เป็นภาษีถูกหัก ของปี 48  แม้ปี 48 จะใช้ไม่หมด หรือไม่ได้ใช้  แล้วจะนำภาษีถูกหัก ของปี 48  ไปใช้กับภาษีในปี 49 ไม่ได้

3.2  ถ้าจะขอคืน  จะต้องขอคืนเป็นเงินสด  ภายใน  3  ปี  ตามแบบ ค.10  ของกรมสรรพากร  ซึ่งทางสรรพากรก็จะตรวจสอบก่อนจะคืนภาษีให้  ซึ่งในทางปฏิบัติส่วนใหญ่ก็จะไม่ขอคืนครับ  เพราะเกรงว่าหากถูกตรวจสอบแล้วไม่แน่ใจว่าจะได้คืนเท่าใด  และจะเจอปัญหาในประเด็นอื่นหรือไม่  อาจทำไปทำมาแทนที่จะได้คืนกลับต้องเสียภาษีเพิ่มครับ  แต่เมื่อครบกำหนด  3  ปีแล้วไม่ขอคืนก็ให้ปรับปรุงภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี  นี้ออกเป็นค่าใช้จ่าย  ซึ่งในทางภาษีถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม  ดังนั้นเมื่อบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในทางบัญชีแล้ว  ตอนคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลปลายปี  ก็อย่าลืมบวกกลับรายจ่ายตัวนี้ด้วยครับ  จะบันทึกบัญชีโดย

Dr.  ภาษีเงินได้นิติบุคคลตัดจ่าย ( ถือเป็นค่าใช้จ่าย  แต่ต้องบวกกลับตอนคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล )

Cr.  ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี


ที่มา คุณอ้อม , http://www.avaccount.com/accountcontent/index.php?topic=1466.0



ฺัBy Ringing Bell

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เลขานุการบริษัท...หน้าที่ที่เป็นมากกว่าเลขา

เลขานุการบริษัท...หน้าที่ที่เป็นมากกว่าเลขา

เลขานุการบริษัท คือ บุคคลที่คอยช่วยให้บริษัทและคณะกรรมการของบริษัทปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเป็นตัวกลางที่คอยประสานงานกับบุคคลทั้งภายในบริษัท และภายนอก

หน้าที่

-จัดทำและเก็บรักษาเอกสารที่สำคัญต่าง ๆ ของบริษัท เช่น ทะเบียนกรรมการ หนังสือนัดประชุมคณะกรรมการ หนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น รายงานการประชุมทั้งการประชุมคณะกรรมการ และการประชุมผู้ถือหุ้น และรายงานประจำปี เป็นต้น

-รายงานให้บริษัททราบการมีส่วนได้เสียที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการกิจการของบริษัท 

-ในการเก็บรักษารายงาน รวมถึงจัดทำสำเนารายงานการมีส่วนได้เสียดังกล่าว และจัดส่งให้กับกรรมการและผู้บริหารทุกท่านของบริษัททราบ

-เลขานุการบริษัทต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ  (fiduciary duty) ระมัดระวัง(duty of care) และซื่อสัตย์สุจริต(duty of loyalty) และต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับของบริษัท รวมถึงมติของคณะกรรมการและมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นอีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่าไม่แตกต่างจากแนวทางการทำหน้าที่ของกรรมการและผู้บริหารของบริษัทเลยทีเดียว

ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ


http://www.set.or.th/th/regulations/supervision/listed_download_p1.html

ฺั By Ringing Bell

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

SET กับ MAI ต่างกันตรงไหน

SET กับ MAI  ต่างกันตรงไหน

เรื่องความรู้ ของนักลงทุน

SET (Stock Exchange of Thailand )คือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(Market for Alternative Investment - MAI) เป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งที่สองของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2542 และเปิดทำการซื้อขายวันแรกเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2544มีจุดประสงค์การทำงานโดยทั่วไป เหมือนกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คือ ทำหน้าที่เป็นตลาดทุน เพื่อให้กิจการต่างๆ สามารถระดมเงินทุนเพิ่มเติมจากสาธารณะได้ แต่ตลาดใหม่นี้ จะเน้นไปที่กิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี - SME) และกิจการเกี่ยวกับนวัตกรรม โดยได้ผ่อนผันหลักเกณฑ์ต่างๆ ลง เช่น ทุนชำระแล้วขั้นต่ำของหลักทรัพย์ในตลาดหลัก คือ 200 ล้านบาท ในขณะที่ขั้นต่ำของตลาดใหม่ ลดลงเป็น 40 ล้านบาท เป็นต้น เพื่อเปิดโอกาสให้กิจการขนาดเล็ก ที่ไม่สามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ ได้มีหนทางในการระดมทุน

ตารางแสดงการเปรียบเทียบระหว่าง SET กับ MAI คะ



เรื่อง
คุณสมบัติ SET 
เรื่อง
คุณสมบัติ  MAI
http://www.set.or.th/images/spacer.gif http://www.set.or.th/images/spacer.gif
 
 
สถานะ สถานะ
 
บริษัทมหาชนจำกัด หรือนิติบุคคลที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ
 
บริษัทมหาชนจำกัด หรือนิติบุคคลที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ
ทุนชำระแล้วเฉพาะหุ้นสามัญ* (หลังการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน) ทุนชำระแล้วเฉพาะหุ้นสามัญ* (หลังการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน)
 
> 300 ลบ.
 
> 20 ลบ.
การกระจายการถือหุ้นรายย่อย * (หลังเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน) การกระจายการถือหุ้นรายย่อย * (หลังเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน)
จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย > 1,000 ราย จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย > 300 ราย
http://www.set.or.th/images/sign-less.jpg
อัตราส่วนการถือหุ้น
ถือหุ้นรวมกัน > 25% ของทุนชำระแล้ว หาก 300 
อัตราส่วนการถือหุ้น
ถือหุ้นรวมกัน > 20% ของทุนชำระแล้ว
 ทุน < 3,000 ล้านบาท แต่ละรายต้องถือหุ้นไม่น้อยกว่า 1 หน่วย   การซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด
ถือหุ้นรวมกัน > 20% ของทุนชำระแล้ว หากทุน > 3,000 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นรายย่อย คือ ผู้ที่ไม่ได้เป็น   Strategic Shareholders โดย  Strategic Shareholders คือ
แต่ละรายต้องถือหุ้นไม่น้อยกว่า 1 หน่วย  การซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด กรรมการ ผู้จัดการ และผู้บริหาร รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง
ผู้ถือหุ้นรายย่อย คือ ผู้ที่ไม่ได้เป็น  Strategic Shareholders โดย  Strategic Shareholders คือ ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้น > 5% นับรวมผู้ที่เกี่ยวข้อง
กรรมการ ผู้จัดการ และผู้บริหาร รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง  
ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้น > 5% นับรวมผู้ที่เกี่ยวข้อง การเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน
  การได้รับอนุญาต ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ( ยกเว้นนิติบุคคลที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ)
การเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน จำนวนหุ้นที่เสนอขาย   
การได้รับอนุญาต ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ( ยกเว้นนิติบุคคลที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ)     > 15% ของทุนชำระแล้ว 
จำนวนหุ้นที่เสนอขาย    วิธีการเสนอขาย ผ่านผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์
   - ทุนชำระแล้ว < 500 ลบ  > 15% ของทุนชำระแล้ว  ผลการดำเนินงาน มีผลการดำเนินงานต่อเนื่อง > 2 ปี โดยอยู่ภายใต้การจัดการของผู้บริหาร ส่วนใหญ่ชุดเดียวกัน > 1 ปี ก่อนการยื่นคำขอ และกำไรสุทธิในปีล่าสุดก่อนยื่นคำขอมีกำไรสุทธิ และมีกำไรสุทธิในงวดสะสมของปีที่ยื่นคำขอ
    ในกรณีที่มีผลการดำเนินการเพียง 1 ปี สามารถเข้าจดทะเบียนได้ หากมีมูลค่าราคาตลาดของหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท 
  - ทุนชำระแล้ว > 500 ลบ.  > 10% ของทุนชำระแล้ว หรือมูลค่าหุ้นสามัญตามมูลค่าที่ตราไว้ > 75 ล้านบาทแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า  
วิธีการเสนอขาย ผ่านผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ฐานะการเงินและสภาพคล่อง มีส่วนของผู้ถือหุ้น > 20 ล้านบาท
ผลการดำเนินงาน มีผลการดำเนินงานต่อเนื่อง > 3 ปี โดยอยู่ภายใต้การจัดการของผู้บริหาร ส่วนใหญ่ชุดเดียวกัน > 1 ปี ก่อนการยื่นคำขอ เพื่อให้ผลการดำเนินงาน ที่ปรากฎสามารถสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถ ในการบริหารงานของผู้บริหารชุดดังกล่าว (กรณีรัฐวิสาหกิจให้นับผลการดำเนินงาน ก่อนการแปรรูปเป็นผลการดำเนินงานที่ต่อเนื่องได้) สามารถพิสูจน์ได้ว่าบริษัทยังมีสถานะทางการเงินที่มั่นคง ตลอดจนมีเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอ 
มีกำไรสุทธิในระยะเวลา 2 ปี หรือ 3 ปี ล่าสุดก่อนยื่นคำขอรวมกัน > 50 ล้านบาท โดยในปีล่าสุดก่อนยื่นคำขอมีกำไรสุทธิ > 30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในงวดสะสมก่อนยื่นคำขอ  
   
ฐานะการเงินและสภาพคล่อง มีส่วนของผู้ถือหุ้น > 300 ล้านบาท    
สามารถพิสูจน์ได้ว่าบริษัทยังมีสถานะทางการเงินที่มั่นคง ตลอดจนมีเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอ    
     


Reference

http://www.set.or.th/th/products/listing/criteria_p1.html

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C_%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1_%E0%B9%80%E0%B8%AD_%E0%B9%84%E0%B8%AD

By Ringing Bell

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประกันสังคม...ง่ายนิดเดียว 1/3

ประกันสังคม...ง่ายนิดเดียว 

(ทำงาน แต่ไม่เคยได้เงินเดือนเต็ม ๆ โดนตัดประกันสังคมอยู่ทุกเดือนๆ ทำไมกัน !!)

ตอนที่ 1 ใครทำประกันสังคมกันบ้างน้า

ตามพระราชบัญญญัติประกันสังคม   พ..  2535 กฎหมายประกันสังคมได้แบ่งผู้ประกันเป็น 3 มาตราดังนี้

1. ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 คือลูกจ้างซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบห้าปีบริบูรณ์และไม่เกินหกสิบปีบริบูรณ์ ผู้ประกันตนที่เป็นลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา  33  ลาออกจากงาน ลูกจ้างยังคงได้รับความคุ้มครอง 4  กรณี  คือ  เจ็บป่วย  ทุพพลภาพ  คลอดบุตร  และตาย จากการประกันสังคมต่อไปอีก  6  เดือน 

2. ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 คือ บุคคลที่เคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และความเป็นลูกจ้างสิ้นสุดลง แต่ประสงค์จะส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมต่อเอง ซึ่งมีเงื่อนไขในการสมัครดังนี้ 

    - ต้องเคยจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน
    - ต้องมายื่นคำขอเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ด้วยตนเอง ภายในระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่ลาออก 

3. ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 คือ ประชาชนทั่วไปที่ประสงค์เข้าสู่ระบบการประกันสังคม โดยยื่นใบสมัครด้วยตนเอง ณ สำนักงานประกันสังคมจังหวัด จะได้รับการคุ้มครองเพียง 3 กรณีเท่านั้น คือ กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ และกรณีตาย โดยผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติดังนี้
    - มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์

    - ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39- ไม่เป็นผู้ทุพพลภาพ
    - ไม่เป็นวัณโรคในระยะอันตราย โรคพิษสุราเรื้อรัง และโรคซึ่งอยู่ในระหว่างการรักษาและอยู่ในสภาพใช้เครื่องช่วยชีวิต

เห็นไหมว่าใครๆ ก็สามารถทำประกันสังคมได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างบริษัทหรือ ไม่กันตนเองก็ตาม

ตอนต่อไป เรามาดูกันว่า เราต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไร และ มีสิทธิประโยชน์อะไรจาก ประกันสังคมกันบ้าง !!

ทีมา: สิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนมาตรา 40 จากสำนักงานประกันสังคม 


By  Ringing  Bell